เมนู

ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4.
อุธิกรณวารที่ 6 จบ

สมถวาร ที่ 7


[466] ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ระงับด้วยสมถะ
เท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ระงับด้วยสมถะ 2 อย่าง
บรรดาสมถะ 7 คือ บางที ด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญากรณะ 1 บางที
ด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1 . . .
ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ ระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ
บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางที ด้วยสัมมุขาวินัยกับติณ
วัตถารกะ 1.
สมถวารที่ 7 จบ

สมุจจัยวาร ที่ 8


[467] ถามว่า ภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบว่า ภิกษุผู้เสพเมถุนธรรมต้องอาบัติ 3 ตัว คือ เสพเมถุนธรรม
ในสรีระที่ไม่ถูกสัตว์กัด ต้องอาบัติปาราชิก 1 เสพเมถุนธรรมในสรีระที่ถูก

สัตว์กัดแล้วโดยมาก ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 สอดองค์กำเนิดเข้าไปในปากที่อ้า
มิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ 1
ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติ 3 เหล่านี้
ถ. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ 4 อย่าง
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดาอาบัติ 7 กอง เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาอธิกรณ์ 4 ระงับด้วย
สมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ต. อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติ 2 บรรดาวิบัติ 4 อย่าง คือ บางที
เป็นศีลวิบัติ บางทีเป็นอาจารวิบัติ
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ 3 บรรดาอาบัติ 7 กองคือ บางทีด้วยกอง
อาบัติปาราชิก บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 คือเกิดแต่กาย
กับจิต มิใช่วาจา
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4
ระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือบางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วย
ปฏิญญาตกรณะ 1 บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1. . .
ถ. ภิกษุอาศัยความเอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วน
เขฬะลงในน้ำ ต้องอาบัติเท่าไร
ต. ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะหรือบ้วน
เขฬะลงในน้ำ ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือทุกกฏ
ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วน
เขฬะลงในน้ำ ต้องอาบัติตัวหนึ่งนี้

ถ. อาบัตินั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ 4 สงเคราะห์ด้วยกอง
อาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ 7 เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไรบรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ 6 เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาอธิกรณ์ 4 ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดา
สมถะ 7
ต. อาบัตินั้นจัดเป็นวิบัติอย่างหนึ่ง บรรดาวิบัติ 4 คืออาจารวิบัติ
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติหนึ่ง บรรดาอาบัติ 7 กอง คือ ด้วยกองอาบัติทุกกฏ
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 คือเกิดแต่กาย
กับจิต มิใช่วาจา จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4
ระงับด้วยสมถะ 3 อย่าง บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย
1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1 .
สมุจจัยวาร ที่ 8 จบ
8 วารนี้ พระธรรมสังดีติกาจารย์เขียนไว้ สำหรับสวดเท่านั้น.

หัวข้อประจำวาร


[468] กัตถปัญญัติวาร 1 กตาปัตติวาร 1 วิปัตติวาร 1 สังคหิตวาร
1 สมุฏฐานวาร 1 อธิกรณวาร 1 สมถวาร 1 สมุจจัยวาร 1.

กัตถบัญญัติวาร ที่ 1


คำถามและคำตอบปาราชิก 4 สิกขาบท


[469] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมา-
สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะปัจจัยคือเสพเมถุนธรรม
ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร เพราะเรื่องอะไร . . . ใครนำมาเป็นต้น.